จุดเด่นกองทุน

บริษัทจัดการเชื่อว่าทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนมีจุดเด่นในการประกอบกิจการ ดังต่อไปนี้

ความมั่นคงของรายได้และกระแสเงินสดจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว

รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าของบี.กริม 1 และบี.กริม 2 ประมาณกึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 21 ปี กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นอกจากนั้นรายได้ส่วนที่เหลือมาจากสัญญาซื้อขายระยะยาวกับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งจะมีอายุสัญญา 15 ปี นับแต่วันเริ่มต้นสัญญา ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมสามารถแสดงความจำนงต่ออายุสัญญาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 5 ปี โดยในปัจจุบันสัญญาส่วนใหญ่ที่บี.กริม 1 และบี.กริม 2ทำกับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดลงในระหว่างปี พ.ศ. 2556 ถึงปี พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ มีข้อตกลงกับกองทุนรวมเกี่ยวกับการไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 โดยจะไม่ดำเนินการให้บริษัทในเครือใดๆของอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เสนอขายไฟฟ้า หรือไอน้ำให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมที่เป็นคู่สัญญากับบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 หากการเสนอขายไฟฟ้าหรือไอน้ำดังกล่าว มีผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ในขณะที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับ บี.กริม 1 จะสิ้นสุดลงในเดือน กันยายน ปี พ.ศ. 2562 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับ บี.กริม 2 จะสิ้นสุดลงในเดือน กันยายน พ.ศ. 2565 ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับธุรกิจของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2

การมีสัญญาระยะยาวช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้และกระแสเงินสด โดยบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้เข้าทำสัญญาระยะยาวต่างๆ อันประกอบด้วยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ซึ่งโครงสร้างของสัญญาดังกล่าวจะช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถส่งผ่านความเสี่ยงบางส่วนให้แก่คู่สัญญา เช่นการกำหนดปริมาณซื้อขายไฟฟ้าขั้นต่ำเป็นการส่งผ่านความเสี่ยงจากการผันผวนของรายได้และสร้างความมั่นคงในกระแสเงินสดรับ สำหรับค่าพลังงานไฟฟ้าในสูตรคำนวณราคาไฟที่ กฟผ. ต้องชำระให้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ครอบคลุมต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ใช้ในการผลิต จึงเป็นการส่งผ่านความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวยังกำหนดให้ กฟผ. ชำระค่าพลังไฟฟ้าในสูตรคำนวณราคาไฟซึ่งครอบคลุมต้นทุนทางการเงินของเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าในส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อกระแสเงินสดจ่ายของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 จากความผันผวนของสกุลเงินดังกล่าว

ความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบหลักในการผลิตไฟฟ้า

วัตถุดิบหลักในการผลิตไฟฟ้าได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำ โดยบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับ ปตท. โดยมีอายุครอบคลุมสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าว มีการกำหนดปริมาณและคุณภาพก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. ต้องจัดส่งให้กับทางบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 และมีการกำหนดให้ ปตท. ต้องชำระค่าปรับในกรณีที่ ปตท. ไม่สามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติที่มีคุณภาพตามสัญญาให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้ครบตามปริมาณที่กำหนด

นอกจากนี้ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้ทำสัญญาบริการจัดหาน้ำระยะยาวกับ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด โดยอายุสัญญาบริการจัดหาน้ำของบี.กริม 1จะครอบคลุมอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. สำหรับอายุสัญญาบริการจัดหาน้ำของบี.กริม 2 จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยบี.กริม 2 จะดำเนินการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อให้ครอบคลุมอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. สัญญาการบริการจัดหาน้ำดังกล่าวยังมีการกำหนดปริมาณน้ำที่ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ต้องจัดส่งให้ทางบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าปริมาณน้ำจะเพียงพอสำหรับกระบวนการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา

ลูกค้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีคุณภาพเครดิตที่ดี

บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 แบ่งลูกค้าเป็น 2 ประเภท คือ กฟผ. และลูกค้าภาคอุตสาหกรรม โดย บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีการคัดเลือกเฉพาะลูกค้าที่น่าเชื่อถือและเหมาะสมกับบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 กฟผ. ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยบริษัท Standard & Poor's ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ไว้ที่ระดับ BBB+ ณ เดือน ธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกับของประเทศไทยและแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ซึ่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เป็นบริษัทที่มีฐานะทางธุรกิจที่มั่นคง และหลายแห่งเป็นบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมของบรรษัทข้ามชาติ และมีคุณภาพเครดิตที่น่าเชื่อถือ มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นอย่างดีและชำระเงินค่าไฟฟ้าตรงตามกำหนด โดยตลอดระยะเวลาที่บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้ามากกว่า 10 ปี บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ไม่เคยประสบปัญหาการเรียกเก็บเงินหรือข้อพิพาทใดๆกับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ยังมีการบริหารจัดการลูกค้าภาคอุตสาหกรรมให้มีการกระจายตัวที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมรายใดรายหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ โดยใน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีลูกค้าภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด 36 ราย และ 39 ราย ตามลำดับ โดยในปี พ.ศ. 2555 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม10 อันดับแรก คิดเป็นร้อยละ 64 และร้อยละ 50 ของรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ตามลำดับ

อุปกรณ์เครื่องจักรของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

อุปกรณ์เครื่องจักรหลักในการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ซึ่งได้แก่ กังหันก๊าซ กังหันไอน้ำและเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและใช้ในโรงไฟฟ้าต่างๆ มากมายทั่วโลก โดยอุปกรณ์เครื่องจักรดังกล่าวนั้นนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตโดยผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงชั้นนำของโลก ซึ่งได้แก่ บริษัท จีอี จำกัด บริษัท ซีเมนส์ เอจี จำกัด และ บริษัท อัลสตอม เอบีบี จำกัด ผู้ผลิตเหล่านี้เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการผลิตไฟฟ้าและมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์เครื่องจักรและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโรงไฟฟ้า

ตลอดระยะเวลาที่บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าและไอน้ำมากว่า 10 ปี บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ดูแลซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องจักรให้อยู่ในสภาพดีอยู่ตลอดเวลา โดยผลจากการศึกษารายละเอียดของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระทางด้านเทคนิคของกองทุนรวม (Independent Technical Advisor) พบว่าสภาพอุปกรณ์เครื่องจักรเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพดีและมีอายุการใช้งานยาวนานครอบคลุมอายุของสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า

ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าร่วมทำให้การผลิตไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีประสิทธิภาพสูง

นอกจากข้อดีของโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานความร้อนร่วมโดยทั่วไป ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงในหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ โรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ยังมีการจัดการแบบระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าร่วม ซึ่งการเชื่อมโยงหน่วยผลิตเข้าด้วยกันนี้มีข้อดีหลายประการ กล่าวคือ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 สามารถเลือกรูปแบบการเดินเครื่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีต้นทุนต่ำได้ สามารถปรับปรุงการผลิตและจัดส่งไฟฟ้าและไอน้ำให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และมีความคล่องตัวสูงขึ้นในการหมุนเวียนการซ่อมบำรุงให้สอดคล้องกัน ลักษณะการดำเนินงานดังกล่าวทำให้โรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดส่งไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีความมั่นคงด้วยต้นทุนที่ต่ำ

ความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจโรงไฟฟ้า และประวัติการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง

บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 เป็นบริษัทย่อยของ อมตะ บี กริม เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงของประเทศในธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 จึงได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ต่างๆ อีกทั้งคณะผู้บริหารโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีความเชี่ยวชาญ ความสามารถ และประสบการณ์ในการบริหาร และจัดการโรงไฟฟ้ามานานกว่า 30 ปี โดยคณะผู้บริหารส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมานานกว่า 17 ปี ทำให้คณะผู้บริหารของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีทักษะและความชำนาญที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ ของอุตสาหกรรมธุรกิจโรงไฟฟ้า รวมทั้งกฎระเบียบข้อบังคับของภาครัฐ ทั้งนี้ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการสรรหาผู้บริหารและบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถในอุตสาหกรรมธุรกิจโรงไฟฟ้ามาร่วมงาน ทำให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีความแข็งแกร่งในการเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้

นอกจากนี้ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ได้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้า บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจาก กฟผ. และลูกค้าภาคอุตสาหกรรมในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนรายสำคัญรายหนึ่งของประเทศ เนื่องจากมาตรฐานการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มั่นคงและให้การบริการที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมซึ่งต้องพึ่งพาการจัดหาไฟฟ้าและไอน้ำที่มีความมั่นคง (Reliability) และได้มาตรฐาน โดยบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีโรงไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดำเนินการแบบรวมศูนย์และเชื่อมโยงการทำงานเข้าด้วยกัน โดยมีเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานในการจัดส่งกระแสไฟฟ้าที่พร้อมสมบูรณ์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ปัจจัยดังกล่าวทำให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 สามารถรักษาและขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ ที่ประกอบโรงไฟฟ้าประเภทเดียวกัน

บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 จัดการเชื่อว่าประวัติการดำเนินงานที่ดี ชื่อเสียงของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจโรงไฟฟ้า และความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารโรงไฟฟ้าจะส่งผลให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 สามารถรักษาฐานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง และรักษาศักยภาพในการแข่งขันที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

โครงสร้างทางการเงินของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2

ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555 บี.กริม 1 มีสัดส่วนหนี้สิ้นต่อทุนเท่ากับ 0.75:1 และ บี.กริม 2 มีสัดส่วนหนี้สิ้นต่อทุนเท่ากับ 0.99:1 ทำให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีโครงสร้างทางการเงินที่มีความเสี่ยงจากการกู้เงิน (financial leverage risk) ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงไฟฟ้าประเภทเดียวกันที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มีสัดส่วนหนี้สิ้นต่อทุนเท่ากับ 3:1 โครงสร้างทางการเงินดังกล่าวส่งผลให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้รับความน่าเชื่อถือจากสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ต้นทุนการกู้ยืมของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 อยู่ในระดับที่ต่ำเนื่องจากบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาโดยตลอด และมีความสัมพันธ์อันดีกับสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดระยะเวลาการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2

ความต้องการซื้อไฟฟ้าของลูกค้าภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนรายเดียวในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีจำนวนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมากที่สุดในประเทศโดยมีขนาดพื้นที่รวม 18,873 ไร่ และโรงงานทั้งหมด 514 โรงงาน ความต้องการซื้อไฟฟ้าของลูกค้าภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจากโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 อยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดรวมของลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 เพิ่มขึ้นจาก 81 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2545 เป็น 208 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2554

ข้อได้เปรียบในการแข่งขันในการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าในนิคมอมตะนคร

อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ ได้ทำสัญญากับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร โดยได้รับสิทธิในการสร้างโรงไฟฟ้าโรงใหม่ในนิคมอมตะนครแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Right) ในกรณีที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครต้องการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถรักษาข้อได้เปรียบในการแข่งขันและลดโอกาสการเกิดแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการไฟฟ้ารายอื่นๆ

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 และเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการที่โรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารงานโดย อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและอาจประกอบธุรกิจแข่งขันกับโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 กองทุนรวมจึงได้ทำข้อตกลงกับ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เกี่ยวกับการไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ซึ่งอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ อาจดำเนินการให้บริษัทในเครือใดๆ ของอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เสนอขายไฟฟ้าและ/หรือไอน้ำให้แก่นิติบุคคลใดๆ ที่เป็นคู่สัญญาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และ/หรือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้า ที่จัดทำขึ้นใหม่ตามรายละเอียดที่กำหนดในสัญญาโอนผลประโยชน์ โดยมีเงื่อนไขว่าการเสนอขายไฟฟ้าและ/หรือไอน้ำดังกล่าวต้องไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการฐานะทางการเงินและ/หรือความสามารถในการปฏิบัติตามสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ/หรือ บี.กริม 2

ดังนั้น สิทธิในการสร้างโรงไฟฟ้าโรงใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครแต่เพียงผู้เดียว และข้อตกลงกับ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เกี่ยวกับการไม่ประกอบการแข่งขันกับบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 จึงช่วยลดผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาเพื่อขยายฐานลูกค้าของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายใหม่ อันส่งผลให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีความสามารถในการทำกำไรตามสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าตลอดสัญญา

การตั้งสำรองค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้กระแสเงินสดจากผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้ามีความมั่นคง

ในการโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าให้แก่กองทุนรวม บริษัทจัดการได้จัดให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มี รายการตั้งสำรองสำหรับการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าครั้งใหญ่ตลอดอายุของสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า โดยจะมีการตั้งสำรองดังกล่าวในแต่ละปีไม่เกิน 102.82 ล้านบาท สำหรับบี.กริม 1 และ ไม่เกิน 65.32 ล้านบาทสำหรับ บี.กริม 2ในแต่ละปี ทั้งนี้เนื่องจากข้อดีในการบริหารจัดการของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ที่ได้ดำเนินการทำสัญญาจัดหาอะไหล่ชิ้นส่วนและบำรุงซ่อมแซม และรูปแบบการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่สามารถคาดการณ์เวลาและประมาณการค่าใช้จ่ายได้ ประกอบกับบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ได้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ามากว่า 10 ปี ทำให้บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 มีข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงในอดีต โดยการสำรองสำหรับการซ่อมบำรุงดังกล่าวช่วยทำให้กระแสเงินสดจากผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าที่กองทุนรวมจะได้รับมีความมั่นคงมากขึ้น

นอกจากนี้ บี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ยังมีการจัดหาวงเงินกู้ไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (Capital Expenditure) หากมีเหตุจำเป็น ซึ่งบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 สามารถเบิกใช้ได้แทนการนำกระแสเงินสดภายในบริษัทมาชำระค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน

สำหรับการจ่ายชำระหนี้ของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ให้กับสถาบันการเงินนั้น บริษัทจัดการได้จัดให้มีรายการตั้งสำรองสำหรับการชำระเจ้าหนี้ทั้งในส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยในงวดการชำระหนี้ 6 เดือนถัดไป ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงในกระแสเงินสดที่กองทุนรวมจะได้รับอีกทางหนึ่ง

การถือหน่วยลงทุนของบี.กริม 1 และ/หรือ บี.กริม 2 และ/หรือ บริษัทในเครือ

อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ และ/หรือกลุ่มบุคคลเดียวกันของ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์จะเข้าถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมในสัดส่วนสูงสุดตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาต หรือ ไม่เกินหนึ่งในสามของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ออกและเสนอขาย การเข้ามามีส่วนได้เสียในกองทุนรวมดังกล่าวเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จะดำเนินการควบคุมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกิจการโรงไฟฟ้าของบี.กริม 1 และ บี.กริม 2 ให้อยู่ในเกณฑ์ดีและสามารถสร้างผลกำไรให้กับบี.กริม 1 และ บี.กริม 2